คำถามที่พบบ่อย ครูสอนดี
- ขอคำแนะนำเกี่ยวกับการจัดทำใบเสนอชื่อ และการนำเสนอเอกสารประกอบการพิจารณา
คำตอบ
1.การเสนอชื่อครูเข้ารับการคัดเลือกเป็นครูสอนดี ให้ใช้แบบเสนอชื่อตามที่คณะกรรมการ สสค.กำหนด ซึ่งสามารถ ดาวน์โหลดได้ที่ http://sorndee.com/node/166
2.ใบเสนอชื่อมี 4 ส่วน ควรให้ข้อมูลให้ครบถ้วน ส่วนเอกสารที่จะแนบไปพร้อมกับใบเสนอชื่อเพื่อประกอบการพิจารณา ควรคัดสรรเฉพาะเอกสารที่สำคัญซึ่งบ่งชี้ถึง
1) การเป็นผู้จัดกระบวนการเรียนรู้ได้ดี
2) ผลการสอนที่ทำให้ลูกศิษย์ประสบความสำเร็จ ความก้าวหน้าทางการศึกษา หน้าที่การงานและการดำเนินชีวิต
3) การเป็นแบบอย่างที่ดี และเป็นที่ยกย่องของลูกศิษย์ เพื่อนครู และชุมชน
คำตอบ: ตามหลักเกณฑ์กำหนดให้คณะกรรมการระดับท้องถิ่นพิจารณาคัดเลือกครูที่ได้รับการเสนอชื่อให้เหลือจำนวนไม่เกินร้อยละ 4 ของจำนวนครูทั้งหมดที่มีอยู่ใน อบต หรือ เทศบาล โดยพิจารณาจากข้อมูลในแบบเสนอชื่อและเอกสารที่จัดส่งมาพร้อมใบเสนอชื่อ ข้อมูลที่ได้จากการสัมภาษณ์ของครูผู้ได้รับการเสนอชื่อและผู้เกี่ยวข้อง รวมทั้งข้อมูลอื่นๆที่คณะกรรมการระดับท้องถิ่นรวบรวมได้
ดังนั้น เมื่อคณะกรรมการระดับท้องถิ่นได้รับรายชื่อครูมาแล้ว แม้จะมีจำนวนไม่เกินร้อยละ 4 ของจำนวนครูทั้งหมดที่มีอยู่ใน อบต. คณะกรรมการระดับท้องถิ่นก็ต้องพิจารณาว่า ครูที่ได้รับการเสนอชื่อมานั้น มีคุณสมบัติครบถ้วนหรือไม่
นั่นคือ เป็นครูซึ่งปฏิบัติงานสอนในระดับประถมศึกษา มัธยมศึกษาหรือ ปวช. หรือไม่ เป็นผู้จัดกระบวนการเรียนรู้ได้ดี มีผลการสอนที่ทำให้ลูกศิษย์ประสบความสำเร็จ ความก้าวหน้าทางการศึกษา หน้าที่การงาน และการดำเนินชีวิต และเป็นแบบอย่างที่ดี เป็นที่ยกย่องของลูกศิษย์ เพื่อนครูและชุมชน หรือไม่
การส่งรายชื่อครูที่สถานศึกษาเสนอมาทั้งหมดไปให้คณะกรรมการระดับจังหวัดโดยไม่ผ่านกระบวนการพิจารณาคัดเลือก จึงเป็นการไม่ถูกต้องตามหลักเกณฑ์ดังกล่าว
คำตอบ: ตามประกาศหลักเกณฑ์ข้อ 5.5.1 (1) กำหนดว่า ในการพิจารณาคัดเลือกขั้นตอนแรก ให้คณะกรรมการระดับท้องถิ่นพิจารณาจากข้อมูลในแบบเสนอชื่อและเอกสารที่จัดส่งมาพร้อมกับแบบเสนอชื่อ ข้อมูลที่ได้จากการสัมภาษณ์ของครูผู้ได้รับการเสนอชื่อและผู้เกี่ยวข้อง รวมทั้งข้อมูลอื่นๆที่คณะกรรมการระดับท้องถิ่นรวบรวมได้ ดังนั้นหากคณะกรรมการระดับท้องถิ่นเห็นเป็นการสมควรที่จะเชิญผู้เกี่ยวข้องมาให้ข้อมูลเพิ่มเติมในที่ประชุมย่อมสามารถทำได้
คำตอบ: ครูสอนดีเป็นได้ทั้งครูที่สอนเด็กปกติและครูที่สอนเด็กด้อยโอกาสซึ่งถือเป็นโอกาสแรกที่เท่าเทียมกันของครูที่สอนเด็กทุกกลุ่ม แต่ผู้รับทุนครูสอนดีซึ่งเป็นโอกาสที่สอง ในปีนี้ต้องเป็นครูที่สอนเด็กด้อยโอกาสเท่านั้น ซึ่งสอดคล้องกับวัตถุประสงค์การปฏิรูปประเทศในคราวนี้คือเพื่อลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา และเพื่อเป็นกำลังใจแก่ครูที่ยากลำบาก และร่วมกันแก้ไขปัญหาเด็กด้อยโอกาสของประเทศ ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาถือเป็นกลุ่มปิดทองหลังพระ
- ครูที่สอนเด็กด้อยโอกาสในสถานศึกษาที่เรียนร่วมกับเด็กปกติจะใช้เกณฑ์ใด้ในการพิจารณาและต้องได้รับการเสนอชื่อผ่านช่องทางใด
คำตอบ: ครูที่สอนในสถานศึกษาทุกสังกัด ไม่ว่าสอนเด็กปกติหรือเด็กด้อยโอกาส ต้องเสรอมชื่อผ่านช่องทางสถานศึกษา เกณฑ์การพิจารณาเป็นเช่นเดียวกัน เพียงแต่มีโอกาสได้รับการเสนอชื่อเพื่อรับทุนครูสอนดีอีกชั้นหนึ่ง
- ครูที่สอนในสถานศึกษาในเวลาราชการ และสอนเด็กด้อยโอกาสนอกเวลาราชการ ควรได้รับการเสนอชื่อผ่านช่องทางใด
คำตอบ: มีกติกาว่าครูที่ได้รับการเสนอชื่อได้เพียงช่องทางเดียว ดังนั้น ต้องเลือกว่าครูท่านนั้นจะได้รับการยอมนรับตามเกณฑ์ “สอนเป็น เห็นผล คนยกย่อง” ในกลุ่มไหนมากกว่ากัน
คำตอบ: ครูที่สอนในสถานศึกษาทุกสังกัด รวมทั้งวิทยาลัยเทคนิคในเทศบาล ต้องเสนอชื่อผ่านช่องทางสถานศึกษา โดยเสนอไปที่ “คณะกรรมการเพื่อการคัดเลือกครูสอนดีและลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา ระดับท้องถิ่น”
สำหรับครูที่สอนในสถานศึกษาที่สังกัด สพป. สพม. เสนอไปที่ “คณะกรรมการเพื่อการคัดเลือกครูสอนดีและลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา ระดับท้องถิ่น” ส่วนเป็นท้องถิ่นใดให้ยึดสถานที่ตั้งของโรงเรียนเป็นหลักว่าตั้งอยู่ในเทศบาลหรือ อบต. ใดให้เสนอไปที่คณะกรรมการระดับท้องถิ่นที่เทศบาล/อบต. นั้นๆ
คำตอบ: หากเป็นการสอนเด็กอย่างต่อเนื่องอย่างน้อย 3 ปี ชุมชน และ อบต. เห็นว่ามีคุณสมบัติ “สอนเป็น เห็นผล คนยกย่อง” อบต. สามารถเสนอชื่อในส่วนของครูที่สอนการศึกษาทางเลือก โดยเสนอไปยังคณะกรรมการเพื่อการคัดเลือกครูสอนดีและลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา ระดับท้องถิ่น
คำตอบ: ในปีนี้ ยังไม่มีสิทธิ
คำตอบ: ตามเกณฑ์ข้อ 5.4 กำหนดว่า การเสนอเสนอชื่อครูเข้ารับการคัดเลือกเป็นครูสอนดี ให้เสนอไปยังคณะกรรมการระดับท้องถิ่น ดังนั้น คณะกรรมการระดับท้องถิ่นต้องเป็นผู้กำหนดว่าในการเสนอชื่อให้เสนอได้ตั้งแต่เมื่อใดถึงเมื่อใด
คำตอบ: เสนอเกินโควตาไม่ได้ แต่โรงเรียนขนาดเล็กสามารถรวมตัวกัน เพื่อให้มีจำนวนครูเพียงพอที่จะเสนอชื่อได้แต่ต้องเป็นตามกติกาที่คณะกรรมการเพื่อการคัดเลือกครูสอนดีและลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา ระดับท้องถิ่น กำหนด โรงเรียนที่มีครูสอนดีน้อยกว่าโควตา ไม่จำเป็นต้องเสนอชื่อเพื่อให้ครบเกณฑ์ ขอให้ยึดคุณสมบัติครูสอนดี มากกว่ายึดจำนวนโควตา
คำตอบ: ครูสอนเด็กปฐมวัย หรือ อนุบาลจึงยังไม่มีสิทธิได้รับการพิจารณาในปี 2554 เนื่องจากในปีนี้ได้กำหนดครอบคลุมเฉพาะครูที่สอนชั้น ป.1-ม.6 และครูที่สอนชั้น ปวช. เท่านั้น
คำตอบ: ชุมชนและชาวบ้านคือกลุ่มที่อยู่และรู้จักพื้นที่และผู้คนในพื้นที่ดีที่สุด ท่านสามารถมีส่วนร่วมในการให้ข้อเสนอแนะกับกรรมการท้องถิ่นของท่านว่า ใครคือครูสอนดีจริงๆ ในโรงเรียนและในชุมชนของท่าน
คำตอบ: ควรคำนึงถึงวัยด้วย เพื่อให้สอดคล้องกับครูที่สอนในสถานศึกษา
คำตอบ: ไม่ใช่ เนื่องจากกติกาคือต้องมีผลงาน 3 ปี ซึ่งแสดงห้เห็นว่าครูท่านนั้นได้เสียสละทุ่มเทมาเป็นระยะเวลาพอสมควร
คำตอบ: ใช่
คำตอบ: มีสิทธิเสนอชื่อ โดยถือเป็นครูในสถานศึกษา เสนอชื่อผ่านช่องทางโรงเรียนไปยังคณะกรรมการเพื่อการคัดเลือกครูสอนดีและลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา ระดับท้องถิ่นที่สถานศึกษานั้นๆ ตั้งอยู่ และมีสิทธิได้รับการเสนอชื่อเป็นผู้รับทุนครูสอนดีด้วย เนื่องจากสอนเด็กด้อยโอกาส
คำตอบ: การเสนอชื่อผ่านช่องทางโรงเรียน ต้องมีกระบวนการมีส่วนร่วมจากผู้บริหาร ครู ผู้ปกครอง และนักเรียน โดยเสนอตามสัดส่วนที่คณะกรรมการเพื่อการคัดเลือกครูสอนดีและลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา ระดับท้องถิ่น กำหนด
คำตอบ: มีสิทธิ โดยเสนอไปยัง อบต. หรือเทศบาลที่ศูนย์พักพิงนั้นๆ ตั้งอยู่ หาก อบต. พิจารณาว่ามีคุณสมบัติให้ อบต./เทศบาลเสนอชื่อไปยังคณะกรรมการเพื่อการคัดเลือกครูสอนดีและลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา ระดับท้องถิ่น ตามกติกาที่กำหนด
คำตอบ: ใช้กระบวนการฉันทามติได้แน่นอน อย่างไรก็ตาม ต้องมีแบบเสนอชื่อตามที่กำหนด ทั้งนี้ แบบเสนอชื่อไม่ได้มาก และ สสค. ได้อำนวยความสะดวกโดยมีไฟล์เพื่อจัดพิมพ์ได้ทันที ในแผ่น CD ที่อยู่ในคู่มือให้เรียบร้อยแล้ว
คำตอบ: การสังเกตการสอนอาจมีได้ดังนี้
1) ครูสอนดีดำเนินการโดยคณะกรรมการระดับท้องถิ่น และ
2) ผู้รับทุนครูสอนดีดำเนินการโดยคณะกรรมการระดับจังหวัด
หากถูกตัดชื่อแล้ว ไม่มีการเลื่อนรายชื่อขึ้นมาพิจารณา คงไว้เฉพาะรายชื่อที่เหลือ
คำตอบ: คณะกรรมการระดับท้องถิ่นมีอำนาจหน้าที่คัดเลือกครูสอนดี จึงมีหน้าที่ตัดสิทธิด้วย และสามารถเปิดให้ทักท้วงได้ตั้งแต่ต้น สำหรับผู้รับทุนครูสอนดีอยู่ในอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการระดับจังหวัด อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการส่วนกลางยังคงมีบทบาทในขั้นตอนการพิจารณากลั่นกรองขั้นสุดท้าย
คำตอบ: นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีการให้รางวัลครูที่ทำผลงานดีเด่น ความพิเศษของโครงการครูสอนดีคือการมีกลไกคณะกรรมการซึ่งประกอบด้วย 5 ภาคส่วน ได้แก่ ภาควิชาการ ภาคท้องถิ่น ภาคเอกชน ภาคราชการ และภาคประชาสังคม และใช้เกณฑ์หลักที่เป็นหัวใจ ได้แก่ “สอนเป็น เห็นผล คนยกย่อง” เปิดโอกาสให้มีความยืดหยุ่นตามลักษณะพื้นที่ ไม่ได้ยึดผลงานที่เป็นเอกสารเป็นสำคัญ รวมทั้งเปิดโอกาสให้ครูทุกสังกัด รวมทั้งครูที่สอนเด็กด้อยโอกาสนอกสถานศึกษา ซึ่งไม่เคยได้รับโอกาสมาก่อน
- ครูทั้งระบบมีมากกว่า 20,000 คน ทำไม สสค. ไม่ปรับปรุงครูทั้งระบบ และหลังจากได้ครู 20,000 คน หรือ 60,000 คนใน 3 ปี แล้ว สสค. มีแผนงานระยะยาวเกี่ยวกับครูทั้ง 60,000 ท่านนี้หรือไม่อย่างไร
คำตอบ: การปรับปรุงครูในระบบเป็นอำนาจหน้าที่ และบทบาทของกระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งทราบว่าอยู่ระหว่างดำเนินการอย่างเต็มที่ สำหรับที่ สสค. ดำเนินการเป็นเพียงการจุดประกาย และเปิดโอกาสให้ชุมชน ท้องถิ่น และภาคประชาสังคม แน่นอนว่า สสค. ต้องประสานกับกระทรวงศึกษาธิการสำหรับการดำเนินการระยะยาวด้วย
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น